ซานฟรานซิสโก – หลังจากยุคฟองสบู่ดอทคอมแตก นักลงทุนร่วมเสี่ยง (venture capitalist) ต่างก็เข็ดหลาบและจะไม่ลงทุนในไอเดียเพ้อฝันที่ไม่มีโมเดลธุรกิจที่ชัดเจนอีกต่อไป บริษัทเกิดใหม่หลายแห่งอย่าง Pets.com และ Webvan ล้มหายตายจากไป ธุรกิจอินเทอร์เน็ตเกิดใหม่จำเป็นต้องมีเส้นทางทำกำไรที่ชัดเจน
ความสำเร็จของเว็บไซต์วิดีโอออนไลน์อย่าง YouTube ที่ถูกขายให้ Google ในราคา 1.65 พันล้านเหรียญในปี 2006 ได้โน้มน้าวให้นักลงทุนร่วมเสี่ยงบางรายสร้างเว็บไซต์ให้มีจำนวนผู้ใช้มหาศาลมากกว่าที่จะทำเงินจากการเก็บค่าใช้บริการกับผู้ใช้
ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ยุคถดถอย แนวทางทั้งสองรูปแบบได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพิสูจน์อีกครั้ง
สองขั้วที่แตกต่างปรากฎขึ้นในโลกของไมโครบล็อก สถานที่ซึ่งผู้คนใช้เว็บหรือโทรศัพท์มือถือของเขาเพื่อกระจายข้อความสั้นๆ ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ไปยังกลุ่มผู้ติดตามบนโลกออนไลน์ของเขา
บริษัทก่อตั้งใหม่ในซานฟรานซิสโกอย่าง Twitter ได้กลายเป็นผู้นำด้านไมโครบล็อก จากข้อมูลของ TwitDir มีผู้คนอย่างน้อยสามล้านคนที่ใช้บริการฟรีนี้อยู่ แต่ Twitter ก็ไม่ได้มีรายได้อะไรเลย ไม่มีแม้กระทั่งโฆษณา
ขณะที่ Yammer ซึ่งเป็นบริการคล้ายกับ Twitter แต่เจาะกลุ่มผู้ใช้ในองค์กร มีจำนวนผู้ใช้เพียง 60,000 คน สิ่งที่แตกต่างไปจาก Twitter ก็คือผู้ก่อตั้งมีความตั้งใจแต่แรกว่าจะเก็บค่าใช้บริการ เพียงหกสัปดาห์หลังจากเปิดตัวสู่สาธารณชน Yammer ก็เริ่มมีเงินไหลเข้ามาแล้ว
Twitter ได้จุดกระแสในโลกไอทีตั้งแต่การเปิดบริการในปี 2006 เมื่อผู้ใช้ล็อกอินผ่านเว็บหรือโทรศัพท์มือถือ มันจะถามคำถามง่ายๆ ว่า “คุณกำลังทำอะไรอยู่?” ผู้ใช้จะตอบคำถามนี้ด้วยความยาวไม่เกิน 140 ตัวอักษร ซึ่งข้อความ “tweet” เหล่านี้มักจะเป็นเรื่องราวของผู้คน เช่น “คืนนี้เจอกันแน่นอน” หรือ “คันตาฟ่ะ น่ารำคาญชมัด”
ส่วน Yammer ปรับคำถามเล็กน้อยด้วยการถามว่า “คุณกำลังทำงานอะไรอยู่?” David Sacks ผู้บริหารกล่าวว่าเป้าหมายของมันมีไว้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ผู้คนใน Yammer จะอัพเดทให้เพื่อนร่วมงานของเขารู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบริษัท หรือถามคำถามที่เกี่ยวกับงาน โดยที่ไม่ต้องถล่มด้วยอีเมลจำนวนมาก
Sacks กล่าวว่าการหาทางทำเงินถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของ Yammer นั่นเป็นบทเรียนที่เขาได้เรียนรู้ในขณะที่เป็นผู้บริหารด้านการปฏิบัติการที่ PayPal หลังจากฟองสบู่ดอทคอมแตก ซึ่งบริษัทจะต้องสร้างรายได้ให้เร็วที่สุด เขามุ่งเน้นไปที่การสร้างกำไรให้กับ Yammer ซึ่งเป็นบริษัทในเวสต์ฮอลลีวู้ด แคลิฟอร์เนีย และเพิ่งได้รับรางวัลเว็บไซต์ใหม่ยอดเยี่ยมจาก TechCrunch50 เมื่อเดือนกันยายน TechCrunch คือผู้นำด้านบล็อกข่าวเทคโนโลยีที่เป็นผู้สนับสนุนรางวัลนี้เรียก Yammer ว่าเป็น “Twitter ที่มีโมเดลธุรกิจ”

David Sacks ผู้บริหาร Yammer เว็บที่เลียนแบบมาจาก Twitter แต่เจาะกลุ่มผู้ใช้องค์กร
Sacks กล่าวว่าโมเดลธุรกิจของ Yammer มีความน่าสนใจตรงที่มันถูกบอกเล่าแบบปากต่อปากเหมือนกับบริการฟรีทั่วไป แต่มันสามารถทำเงินได้เหมือนกับบริการสำหรับธุรกิจ ใครก็ตามที่มีอีเมลของบริษัทก็สามารถใช้ Yammer ได้ฟรี เมื่อบริษัทนั้นต้องการเข้ามาใช้งานอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะได้รับสิทธิ์ในการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยและกำหนดวิธีที่พนักงานจะใช้บริการนี้ได้ บริษัทจะจ่ายเงินเดือนละ 1 เหรียญต่อผู้ใช้หนึ่งคน ในช่วงหกสัปดาห์แรกของ Yammer มี 10,000 บริษัทและผู้ใช้ 60,000 คนที่ใช้บริการ แม้ว่าจะมีเพียง 200 บริษัทและผู้ใช้ 4,000 คนที่จ่ายเงิน
ขณะที่ผู้ก่อตั้งและผู้ที่อยู่เบื้องหลัง Twitter ซึ่งเพิ่งจะประกาศเพิ่มทุน 20 ล้านเหรียญจากนักลงทุนร่วมเสี่ยง ยืนยันว่าพวกเขายังตัดสินใจที่จะเติบโตก่อน ส่วนเรื่องการทำเงินมาเป็นที่สอง
มูลค่าของ Twitter จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ใช้ เฉกเช่นเดียวกับมูลค่าของเครือข่ายโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ต การเติบโตจึงมีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง Evan Williams กล่าวว่า “ถ้าเราทุ่มเทกับการทำเงินตั้งแต่แรก นั่นหมายความว่าเราอาจไม่มีเวลาทำให้บริการของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สำหรับผู้ใช้” ยอดผู้ใช้ Twitter เพิ่มขึ้น 600 เปอร์เซ็นต์ในปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนร่วมเสี่ยงเริ่มพูดกับบริษัทเกิดใหม่หลายแห่งให้ปลดพนักงานออกและหาทางสร้างกำไรเพื่ออยู่รอดให้ได้ในช่วงเศรษฐกิจขาลง คำถามเรื่องรายได้ถูกตั้งขึ้นอย่างเร่งด่วนสำหรับ Twitter เมื่อวันพฤหัสบดี คณะกรรมการของ Twitter ได้ปลด Jack Dorsey วิศวกรผู้สร้าง Twitter ออกจากการบริหาร และแต่งตั้งให้ Williams ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการบริหารมากกว่าให้เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน

ผู้บริหาร Twitter ซึ่งยังไม่มีรายได้
“เราคิดว่า Evan เหมาะสมที่จะขึ้นนำบริษัททั้งมุมมองทางด้านผลิตภัณฑ์ มุมมองทางด้านการปฏิบัติงาน และจุดยืนทางด้านธุรกิจ” Fred Wilson หุ้นส่วนของ Union Square Ventures และกรรมการของ Twitter กล่าว
ในปีหน้าที่กำลังจะมาถึง Twitter วางแผนที่จะเปิดตัววิธีสร้างรายได้หลายวิธี ไอเดียหนึ่งคือการเรียกเก็บเงินจากบริษัทที่ต้องการใช้ Twitter เป็นช่องทางสื่อสารกับลูกค้าของพวกเขาและดูว่าลูกค้ากำลังพูดอะไรกันอยู่
แม้ว่า Twitter จะมุ่งเน้นที่การสร้างรายได้ในปีหน้า แต่ Williams ก็ยืนยันว่าแนวคิดแบบโตก่อนของ Twitter ถือเป็นความสำเร็จที่ถูกพิสูจน์แล้ว
Williams เคยช่วยก่อตั้ง Pyra Labs ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการบล็อกรายแรกๆ ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็ประสบปัญหาสุขภาพทางธุรกิจจนต้องขายให้ Google ในราคาที่ไม่เปิดเผยเมื่อปี 2003 เขากล่าวว่าแม้แต่ Google เองในตอนแรกก็เป็น search engine ที่ไม่มีรายได้ ก่อนจะค้นพบโมเดลโฆษณาที่ช่วยให้มันกลายเป็นธุรกิจยักษ์ใหญ่ได้
“นี่คือเรื่องราวที่คลาสสิค อย่าเพิ่งไปกังวลเรื่องหาเงิน ขอแค่ทำให้มันเป็นบริการที่ใช่ไว้ก่อน” Williams กล่าว
แต่ Joseph A. Grundfest อดีตกรรมการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันสอนด้านการลงทุนร่วมเสี่ยงอยู่ที่สแตนฟอร์ดกล่าวว่า บริษัทส่วนใหญ่ไม่ได้ประสบความสำเร็จแบบ Google “ในมุมมองของผม อย่างน้อยคุณจะต้องมีทฤษฎีว่าคุณจะทำให้กระแสเงินสดเป็นบวกได้อย่างไร” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม วิกฤตเศรษฐกิจอาจทำให้บริษัทที่มุ่งเน้นที่การเติบโตของจำนวนผู้ใช้อย่าง Twitter เหลือทางเลือกไม่มากนัก นั่นคือต้องมุ่งเน้นที่ผลกำไร
“ในตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วว่าคุณอยากจะโตก่อน เพราะคุณไม่มีทางเลือกแล้ว” Paul Kedrosky อาจารย์อาวุโสที่ Kauffman Foundation กล่าว “คุณอาจจะเคยมีทางเลือกระหว่างเล็กและมุ่งเน้นที่รายได้ หรือเติบโตขยายใหญ่ด้วยเงินลงทุน แต่ตอนนี้ไม่มีใครมีเงิน คุณก็คงไม่มีทางเลือก”
เครดิตรูปภาพและเนื้อหาแปลจาก The New York Times