Viral Marketing บน Twitter – คุณอยากได้ MacBook AIR ฟรีหรือเปล่า?

ปัจจุบันนี้มีวัฒนธรรมอย่างหนึ่งเกิดขึ้นบน Twitter นั่นก็คือการ Re-Tweet ซึ่งเป็นวิธีการที่ชาว Tweeple นำข้อความของคนที่ตัวเองติดตามอยู่มา Tweet ซ้ำอีกครั้ง เนื่องจากข้อความนั้นมีความน่าสนใจหรืออะไรก็ตามแต่ เช่น ถ้าผมโพสต์ข้อความลงไปว่า “ขาว หมวย สวย เอ๊กซ์ ดูได้ที่ http://…” คนที่ติดตาม Twitter ของผมอยู่บางคนเห็นข้อความของผมแล้วชอบ ก็ทำการเผยแพร่ต่อด้วยการ Re-Tweet ว่า “rt @macroart ขาว หมวย สวย เอ๊กซ์ ดูได้ที่ http://…”

วัฒนธรรม Re-Tweet นี้ทำให้ Twitter กลายเป็นเครื่องมือการตลาดแบบบอกต่อหรือ Viral Marketing ที่ทรงพลังมาก สมมุติว่าผมมี Follower อยู่ 500 คน แปลว่า 500 คนนี้จะเห็นข้อความของผม ถ้ามี 5 คนที่ Re-Tweet ข้อความของผมต่อ โดยที่ทั้ง 5 คนต่างก็มี Follower ของตัวเองอยู่ 100 คนที่ไม่ซ้ำกัน แปลว่าจะมีคนอีก 500 คนที่เห็นข้อความของผม เพียงแค่การ Re-Tweet หนึ่งต่อก็ทำให้มีคนเห็นข้อความแล้ว 1,000 คน หากมีการ Re-Tweet ต่อที่สองที่สามอีก จำนวนคนที่เห็นข้อความก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

Viral Marketing

ล่าสุดนาย Jeremy Schoemaker แห่งเว็บไซต์ ShoeMoney ได้ทำแคมเปญ Viral Marketing ขึ้นบน Twitter โดยผู้ที่ร่วมเล่นแคมเปญนี้จะมีสิทธิ์ลุ้นรับกล้องวิดีโอ Flip MinoHD 2 เครื่อง และ MacBook AIR อีกหนึ่งเครื่อง คนทั่วทั้งโลกสามารถลุ้นรับรางวัลเหล่านี้ได้ ตราบที่การส่งของรางวัลไปในประเทศนั้นไม่เป็นการผิดกฎหมาย ส่วนกติกาการร่วมลุ้นรางวัลมี 2 ข้อด้วยกัน

1) Follow @shoemoney บน Twitter
2) Tweet ด้วยข้อความว่า “Just entered to win a flip minoHD. Just follow @shoemoney and retweet. http://xr.com/fliphd”

แคมเปญนี้เริ่มขึ้นในขณะที่เขามี Follower ประมาณ 11,000 คน ซึ่งเขาจะแจกกล้องวิดีโอเครื่องแรกทันที หลังจากนั้นเมื่อมี Follower ถึง 15,000 คน เขาจะแจกเครื่องที่สอง และเมื่อถึง 20,000 คน เขาก็จะแจก MacBook AIR

แคมเปญนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 10 มกราคม ผ่านไป 6 วัน เขามีจำนวน Follower เพิ่มขึ้นเกือบ 1,500 คน มีผู้ร่วม Re-Tweet แล้วเกือบ 1,800 คน และชื่อของเขากลายเป็นบุคคลที่ถูก Re-Tweet บ่อยที่สุดติดต่อกันหลายวัน

TwitterCounter @shoemoney

ราคาของกล้องวิดีโอ Flip MinoHD บน Amazon ขายอยู่ที่ $209 ส่วนราคาของ MacBook AIR รุ่นถูกที่สุดอยู่ที่ $1,599 มูลค่าของรางวัลทั้งหมดจะอยู่ที่ $2,017 ถ้าแคมเปญนี้ทำให้เขามีจำนวน Follower เพิ่มขึ้นจาก 11,000 คน กลายเป็น 20,000 คนได้ หรือเพิ่มขึ้น 9,000 คน แปลว่าเขาจะมีต้นทุนต่อจำนวน Follower ใหม่ หรือ Cost Per New Follower เท่ากับ $0.22 ซึ่งผมคิดว่าถูกมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาจะได้กลับคืนมาจากการมี Follower มากขนาดนี้

ผมอยากเห็นแคมเปญการตลาดแบบนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยบ้าง ซึ่งแคมเปญลักษณะนี้จะเหมาะกับสินค้าที่ต้องการสร้าง Community ในกลุ่มลูกค้าของตัวเอง เพราะการที่ใครสักคนจะ Re-Tweet ข้อความบางอย่างออกไป นั่นแสดงว่าเขามีความสนใจในเนื้อหาของข้อความนั้นอยู่แล้ว และพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เจ้าของสินค้าจัดขึ้น

นักการตลาดหลายคนเริ่มสนใจการทำการตลาดบน Social Network แต่การทำการตลาดบนเว็บ Social Network หลายๆ แห่งก็ยังเป็นที่กังขาอยู่ว่ามันใช้ได้ผลจริงหรือ? ผมเคยได้รับข้อความส่วนตัวทาง Hi5 จากคนที่ทำการตลาดให้กับสินค้าชุดชั้นในสตรียี่ห้อหนึ่ง โดยบอกว่าให้ผมเข้าไปที่เว็บไซต์เพื่อพิมพ์คูปองลดราคาไปใช้ซื้อยกทรงได้ ผมแปลกใจพอสมควรว่าทำไมผมถึงได้รับข้อความนี้ เพราะผมไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายเลย แต่ผมเข้าใจว่านักการตลาดคนนี้คงส่งข้อความถึงเพื่อนทุกคนในลิสต์ของเธอ

หากลองเปลี่ยนวิธีการดู มาทำการตลาดบน Twitter แทน ด้วยการบอกว่าถ้าใครอยากได้คูปองลดราคา ให้ Re-Tweet ว่า “รับคูปองลดราคา 20% และลุ้นรับบัตรของขวัญมูลค่า 5,000 บาท สำหรับซื้อชุดชั้นใน xxx ได้ที่ http://…” จากนั้นในหน้าเว็บก็มีข้อความบอกว่าถ้าใคร Follow @xxx และ Re-Tweet ตามนี้ จะมีสิทธิ์รับบัตรของขวัญ 5,000 บาทฟรี

แน่นอนว่าคนที่จะ Re-Tweet ข้อความตามแคมเปญนี้ ส่วนใหญ่ก็จะต้องเป็นผู้หญิง แต่ก็จะมีผู้ชายบางคนที่ร่วมแคมเปญนี้ด้วย เพราะเขาอาจจะมีแฟนที่ไม่ได้เล่น Twitter แต่ก็อยากได้รางวัล ก็เลยต้องร่วมแคมเปญนี้แทนแฟน จะเห็นได้ว่าแคมเปญแบบนี้ทำให้กลุ่มเป้าหมายแสดงตัวออกมาเองโดยไม่มีการยัดเยียดข้อความการตลาดไปหาคนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย ต่างกับการทำการตลาดบน Social Network ที่ดูจาก Profile ของสมาชิกในเว็บเป็นหลัก การที่นักการตลาดของชุดชั้นในคนนั้นส่งข้อความแบบหว่านแหบน Hi5 ทำให้ข้อความถูกส่งมาถึงผมทั้งที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย แต่หากเธอเลือกส่งเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิง ก็อาจจะพลาดการส่งข้อความไปถึงผู้ชายที่มีความเป็นไปได้ที่จะมีแฟนเป็นลูกค้าก็ได้

นอกจากการเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกว่าแล้ว การที่นักการตลาดมี Follower ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายอยู่ในมือ ย่อมทำให้การทำการตลาดในอนาคตง่ายยิ่งขึ้นด้วย หากต้องการสื่อสารอะไรไปยังคนกลุ่มนี้ ก็เพียงแค่ Tweet ออกไป ทุกคนก็จะได้รับข้อความ ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็สามารถพัฒนาไปเป็น Community ที่แข็งแกร่งได้ด้วย

ถ้าอ่านแล้วชอบ ฝากแชร์ด้วยนะครับ
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

, , , ,