คำถามสุดคลาสสิคของนักลงทุน ถ้ามีเงินสดอยู่ก้อนหนึ่ง อยากสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าฝากธนาคาร ควรเอาเงินไปซื้อทองคำหรือซื้อหุ้นดี? ฝ่ายทองคำมักจะบอกว่าถ้าซื้อหุ้นแล้วเกิดธุรกิจที่เราซื้อไว้มันเจ๊งขึ้นมา เราจะเหลือแต่ใบหุ้นมาประดับผนังบ้าน ส่วนฝ่ายหุ้นก็จะโต้แย้งฝ่ายทองคำว่า ซื้อทองคำมา ถ้าเก็บไม่ดี โดนขโมยขึ้นบ้าน แบบนี้ไม่เหลืออะไรประดับบ้านเลย แล้วเราจะหาข้อสรุปได้อย่างไรว่าระหว่างทองกับหุ้น อะไรดีกว่ากัน?
จริงๆ แล้วถ้าคุณซื้อหุ้นที่พื้นฐานแข็งแกร่ง ธุรกิจมีอนาคต คอยติดตามผลประกอบการของบริษัทเสมอ แบบนี้โอกาสที่จะได้ใบหุ้นมาประดับฝาบ้านก็มีน้อยมาก ส่วนทองคำก็ไม่ต้องกลัวขโมยขึ้นบ้านแล้ว เพราะยุคนี้คุณสามารถซื้อขายทองคำแบบออนไลน์ได้ ตัวเลขอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์เหมือนที่คุณฝากเงินกับธนาคาร
การจะเปรียบเทียบว่าอะไรดีกว่าอะไร เราควรมองที่ผลตอบแทนเป็นหลัก และควรมองแบบระยะยาวว่าถ้าซื้อทองหรือหุ้นตอนนี้ แล้วถือไว้ 20-30 ปี ถึงตอนนั้นมูลค่าของมันจะเป็นเท่าไหร่ แต่เนื่องจากเราไม่รู้อนาคต เราก็จะใช้วิธีมองกลับไปที่อดีตว่าที่ผ่านมา ระหว่างทองคำกับหุ้น อะไรที่ทำผลงานได้ดีกว่ากัน
ขออธิบายถึงสูตรทางการเงินที่ใช้คำนวณก่อนครับ
\[\begin{aligned}
FV = PV \cdot (1 + i)^t
\end{aligned} \]
- FV หรือ Future Value หมายถึงมูลค่าในอนาคตของสินทรัพย์
- PV หรือ Present Value หมายถึงมูลค่าปัจจุบันของสินทรัพย์
- i หรือ Interest Rate หมายถึงอัตราดอกเบี้ยแบบทบต้น
- t หรือ Time หมายถึงจำนวนงวด
ตัวอย่างเช่น นายสมชายมีเงิน 10,000 บาท (PV) ฝากธนาคารไว้ อัตราดอกเบี้ย 0.75% ต่อปี (i) สมมุติว่าธนาคารจ่ายดอกเบี้ยปีละ 1 ครั้ง และนายสมชายเอาดอกเบี้ยที่ได้ฝากทบต้นเข้าไปอีก ผ่านไป 5 ปี (t) นายสมชายจะมีเงินเท่าไหร่?
\[\begin{aligned}
FV = 10,000 \cdot \left(1 + \frac{0.75}{100}\right)^5
\end{aligned} \]
คำตอบที่ได้ก็คือ 10,380.67 บาท
เอาล่ะ เราลองใช้สูตรนี้คำนวณหาผลตอบแทนของทองคำกันก่อน เพื่อการเปรียบเทียบอย่างยุติธรรม ผมจะใช้ราคาทองคำของปี 2518 ซึ่งเป็นปีแรกที่ตลาดหุ้นไทยเปิดทำการ ราคาทองคำในปีนั้นบาทละ 1,580 บาท (ข้อมูลจากบทความ ราคาทองคำ: อดีต ปัจจุบัน อนาคต ของ รศ. ดร. ถวิล นิลใบ) โดยใช้ค่านี้เป็น PV (คิดเสมือนว่าปี 2518 คือปัจจุบัน) ส่วนค่า FV โดยใช้ราคาทองคำของปี 2555 อยู่ที่บาทละ 23,750 บาท (ข้อมูลวันที่ 3 สิงหาคม 2555 เวลา 9.23 น. จากเว็บสมาคมค้าทองคำ) ค่า t คือตั้งแต่ปี 2518 ถึง 2555 เท่ากับ 37 ปี
\[\begin{aligned}
23,750 = 1,580 \cdot (1 + i)^{37}
\end{aligned} \]
คำตอบที่ได้คือ ทองคำให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7.6% ต่อปี
ดูเยอะใช้ได้เลยนะครับ สูงกว่าเงินเฟ้อพอสมควร สูงกว่าดอกเบี้ยพันธบัตรด้วย แล้วหุ้นให้ผลตอบแทนได้สูงกว่านี้หรือเปล่า?
การคำนวณผลตอบแทนของหุ้นค่อนข้างซับซ้อนกว่าทองคำ เพราะทองคำเมื่อปี 2518 ก็คือสินทรัพย์ตัวเดียวกันกับทองคำในปี 2555 แต่ในกรณีของหุ้น เราจะเอาราคาหุ้นตัวไหนมาคำนวณดี? ในที่นี้ผมจึงใช้ SET Index ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นทุกตัวในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
SET Index ในวันแรกที่มีการซื้อขายคือวันที่ 30 เมษายน 2518 อยู่ที่ 100 จุด (PV) หลังจากผ่านไป 37 ปี (t) ในวันที่ 30 เมษายน 2555 ดัชนีอยู่ที่1,228.49 จุด (FV) (ข้อมูลจาก Market Index ดัชนี SET, SET100, SET50, mai (เม.ย. 2518 ถึงปัจจุบัน) เว็บตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)
\[\begin{aligned}
1,228.49 = 100 \cdot (1 + i)^{37}
\end{aligned} \]
คำนวณออกมาได้ 7.0% ต่อปี นั่นแปลว่าผลตอบแทนของหุ้นสู้ทองคำไม่ได้!
จริงหรือเปล่า?
ความจริงคือหุ้นยังมีเงินปันผลในทุกปีอยู่ครับ ถ้าคิดโดยเฉลี่ยจากข้อมูล Market Dividend Yield ดัชนี SET, SET100, SET50, mai (เม.ย. 2518 ถึงปัจจุบัน) จะได้เงินปันผลปีละ 4.5%
เมื่อรวมเงินปันผล 4.5% เข้ากับส่วนเพิ่มของดัชนี 7.0% แปลว่าหุ้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ยถึง 11.5% ต่อปี
สรุปว่าหุ้นชนะทองคำในแง่ของผลตอบแทนแบบขาดลอยครับ ทั้งนี้เรายังไม่ได้คิดเรื่องการนำเงินปันผลทบกลับเข้าไปเป็นหุ้นนะครับ ถ้าคิดแบบทบต้นด้วยจริงๆ อาจจะสูงถึง 15% เลยก็ได้
ลองมองไปสู่อนาคต ถ้าคุณมีเงิน 100,000 บาทในวันนี้ เอาไปซื้อทอง อีก 30 ปีข้างหน้า มูลค่าของมันจะกลายเป็น 900,260 บาท แต่ถ้าเอาไปซื้อหุ้นและเอาเงินปันผลใส่เพิ่มลงไปในพอร์ตทุกปี มูลค่าในอีก 30 ปีข้างหน้าจะกลายเป็น 2,619,667 บาท ต่างกันเกือบสามเท่าเลยทีเดียวครับ