จากบล็อกแชร์ประสบการณ์มี Passive Income เดือนละ 1 หมื่นบาทเมื่อตอนอายุ 30 ปี มีคนมาคอมเมนต์ได้น่าสนใจว่างานลิขสิทธิ์อย่างการเขียนหนังสือขายก็ถือว่าเป็น Passive Income เหมือนกัน คำถามคือหนังสือทุกประเภทเป็น Passive Income หมดเลยหรือเปล่า?
ส่วนตัวผมเองเคยมีผลงานหนังสือที่พิมพ์ขายแล้ว 5 เล่ม แต่ไม่มีเล่มไหนที่เรียกได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่สร้าง Passive Income ได้เลย เพราะอะไร? เพราะถึงแม้หนังสือที่เขียนจะมีค่าลิขสิทธิ์ให้ผมโดยคิดตามจำนวนการพิมพ์ เช่น สมมุติว่าพิมพ์ครั้งแรก 5,000 เล่ม ราคาขายเล่มละ 200 บาท นักเขียนได้ส่วนแบ่ง 10% ผมก็จะได้เงิน 5,000 x 200 x 10% = 100,000 บาท แต่ด้วยความที่เนื้อหาของหนังสือเป็นแนวเทคโนโลยีที่มาไวไปไว ทำให้พิมพ์ซ้ำได้แค่ 2-3 รอบ หลังจากนั้นหนังสือก็ล้าสมัยแล้ว ทำให้ผมได้เงินทั้งหมดจากการเขียนหนังสือแค่ราวๆ 150,000 บาท (พิมพ์ครั้งหลังจะไม่เท่าครั้งแรก) ซึ่งเงินจำนวนนี้แลกมาด้วยค่าแรงและค่าเสียเวลาเขียนหนังสือ 2-3 เดือน
แล้วหนังสือแบบไหนที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่สร้าง Passive Income ล่ะ? คำตอบก็คือหนังสือที่มีเนื้อหาไม่ล้าสมัย หรือสามารถต่อยอดเนื้อหาไปสู่สื่ออื่นๆ นอกจากหนังสือได้ เช่น พจนานุกรม ที่ผู้เขียนพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือ จากนั้นก็ไปอยู่บน Talking Dict ซอฟต์แวร์ แอปมือถือ ฯลฯ และถึงแม้ผู้เขียนจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ลูกหลานก็ยังได้รับค่าลิขสิทธิ์อยู่ หรือหนังสือประเภทนิยายอมตะ ที่สามารถต่อยอดไปเป็นหนังหรือละครได้ หรืออย่าง Harry Potter ก็ต่อยอดไปเป็นหนัง ของเล่น และสวนสนุกได้
หากลองวิเคราะห์ดูแล้ว จะเห็นได้ว่าทรัพย์สินแต่ละอย่างมีอายุของมันอยู่ หนังสือไอทีอาจมีอายุแค่ 6 เดือนก็พิมพ์ซ้ำไม่ได้แล้ว พันธบัตรอาจมีอายุ 5 ปีก็ถึงกำหนดไถ่ถอน เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญอาจมีอายุ 10 ปีก็จะเริ่มมีปัญหา คอนโดให้เช่าอาจมีอายุ 15 ปีที่ห้องจะเริ่มโทรม บริษัทในตลาดหลักทรัพย์อาจมีอายุยาวนานกว่านี้หรือสั้นกว่านี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับการดำเนินงานของบริษัทนั้นๆ
การที่คุณจะมีอิสรภาพทางการเงินได้อย่างยั่งยืน จะต้องวิเคราะห์ให้ออกว่าทรัพย์สินแต่ละประเภทมีอายุแค่ไหน การประเมินอายุของทรัพย์สินบางอย่างก็ทำได้ยาก เช่น คนทำ MLM ที่มีเครือข่ายยังไม่แข็งแรงมาก ถ้าหยุดทำไป ก็ไม่รู้ว่ารายได้จะลดลงแค่ไหน รายได้จะต่ำกว่ายอดส่วนตัวที่ต้องรักษาในแต่ละเดือนเมื่อไหร่ หรือคนทำเว็บไซต์ที่มีรายได้จาก Affiliate Marketing โดยพึ่งพา SEO เป็นหลัก ก็ไม่รู้ว่า Google จะปรับอัลกอริธึมจนส่งผลต่ออันดับของเว็บตัวเองตอนไหน นี่คือความเสี่ยงของทรัพย์สินเหล่านี้
ทรัพย์สินที่ผมแนะนำให้มีไว้ก็คือหุ้นของบริษัทที่พื้นฐานดี มีความได้เปรียบในการแข่งขัน เช่น ADVANC ที่คุณมั่นใจได้ว่ายังไงคนไทยก็ต้องใช้โทรศัพท์มือถือไปอีกนาน หรืออย่าง CPALL ที่เป็นผู้บริหารร้าน 7-Eleven คุณคิดว่าตอนที่คุณตายแล้ว ประเทศไทยยังมีร้าน 7-Eleven อยู่หรือเปล่า? แต่ถึงแม้วันหนึ่งจะเกิดอุบัติเหตุกับหุ้นที่คุณถือ เช่น พื้นฐานของกิจการเปลี่ยนไป ไม่มีความได้เปรียบในการแข่งขันเหมือนเดิมแล้ว คุณก็สามารถขายทิ้งเพื่อซื้อตัวใหม่ได้ไม่ยากเลย เพราะหุ้นเป็นทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องสูงเมื่อเทียบกับทรัพย์สินอื่นๆ อย่างอสังหาริมทรัพย์