เชื่อว่าใครๆ ก็อยากให้ตัวเองเป็นที่รักของคนอื่น อยากให้ชายหรือหญิงที่เราหมายปองรู้สึกชอบเรา อยากให้หัวหน้าหรือลูกน้องรักเรา อยากให้ลูกค้าที่เราไปคุยด้วยรู้สึกถูกใจเรา เคล็ดลับการทำให้คนอื่นชอบเราอยู่ที่การบริหารเสน่ห์ให้ถูกวิธี ซึ่งผมสรุปออกมาเป็น 3 แนวทางดังนี้ครับ
1. เสน่ห์ทางกาย
กายเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็มองเห็นได้ทันที จึงเป็นเหมือนหน้าด่านที่เอาไว้สร้าง First Impression หลายๆ คนจึงลงทุนเพื่อพัฒนารูปลักษณ์ภายนอกของตัวเอง เช่น หาเครื่องแต่งกายที่ดูดีมาสวมใส่ แต่งหน้า เซ็ตผม ฉีดน้ำหอม ออกกำลังกายเพื่อให้รูปร่างดูดี บางคนอาจลงทุนถึงขั้นทำศัลยกรรม เสริมจมูก เหลากราม ทำหน้าอก ซึ่งผมอยากบอกว่าการลงทุนเหล่านี้มักใช้ได้ผลแค่ช่วงแรกๆ ที่รู้จักกัน ผู้หญิงบางคนไปทำหน้าอกเพื่อให้ใส่เสื้อแล้วสวย โดยมีผลพลอยได้คือดึงดูดความสนใจผู้ชายบางคนที่ชอบผู้หญิงหน้าอกใหญ่ๆ ได้ แต่พอดูไปนานๆ มันก็เบื่อครับ ไม่ได้เป็นเสน่ห์น่าดึงดูดอีกต่อไป
วิธีบริหารเสน่ห์ทางกายที่ผมอยากแนะนำ เพราะยั่งยืนกว่าและไม่ต้องลงทุนอะไรเลย นั่นก็คือการ “ยิ้ม” ครับ 🙂 เวลาคุณเจอใคร ไม่ว่าจะเพิ่งเจอกันครั้งแรก หรือรู้จักกันมานานแล้ว ลองยิ้มให้เขาดูครับ อีกฝ่ายจะรู้สึกว่าคุณเป็นมิตร อัธยาศัยดี เห็นแล้วอยากพูดคุยด้วย ใครที่มีแฟนอยู่ ลองนึกภาพเวลาไปเจอแฟน ระหว่างการเห็นหน้าแฟนยิ้มหวานให้คุณ กับทำหน้าเฉยๆ หรือบึ้งตึงใส่ คุณอยากเห็นแฟนคุณทำแบบไหนมากกว่ากัน?
2. เสน่ห์ทางวาจา
แน่นอนว่าการพูดเพราะ โทนเสียงอ่อนโยนฟังแล้วลื่นหู พูดแต่สิ่งดีๆ เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็อยากฟัง แต่ถ้าคุณไปเจอคนที่พูดคำหยาบ (ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิท) พูดจากระโชกโฮกฮาก หรือพูดแต่เรื่องลบๆ แย่ๆ ฟังแล้วห่อเหี่ยวหดหู่ ไม่มีความหวังในชีวิตเอาซะเลย คุณก็คงไม่อยากอยู่ใกล้คนแบบนี้สักเท่าไหร่ ดังนั้น ต้องฝึกพูดแต่สิ่งดีๆ พูดถึงความสุข ความสำเร็จ เรื่องตลกขำขัน ซึ่งเป็นคำพูดที่ช่วยดึงดูดให้คนอื่นอยากเข้าใกล้คุณ
มีอีกอย่าง คือถ้าคุณพูดอยู่ฝ่ายเดียว โดยที่อีกฝ่ายต้องนั่งฟังคุณพล่าม แบบนี้คุณก็กลายเป็นคนน่าเบื่อได้ไม่ยากเลย การบริหารเสน่ห์ทางวาจาอยู่ที่การรู้จักจังหวะที่จะพูดและจังหวะที่จะฟัง สมมุติว่าอีกฝ่ายกำลังเล่าเรื่องบางอย่างให้คุณฟัง ถ้าคุณไปพูดขัดทันที เช่น “เราไม่เห็นด้วยนะที่เธอทำแบบนี้” พูดแบบนี้เสน่ห์ตกวูบเลย ถ้าคุณพูดสนับสนุน เช่น “ใช่ๆ เห็นด้วยเลย เป็นเหมือนกัน” แบบนี้เสน่ห์คุณจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ถ้าคุณรู้จักถามกลับไปเพื่อเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องมากขึ้น เช่น “เหรอๆ แล้วเธอทำไงต่ออ่ะ?” แบบนี้เสน่ห์พุ่งเลยครับ เพราะเป็นการแสดงออกให้อีกฝ่ายเห็นว่าคุณกำลังฟังอย่างสนอกสนใจ
3. เสน่ห์ทางใจ
เสน่ห์สุดท้ายเป็นเคล็ดลับขั้นสุดยอดครับ มันเป็นเสน่ห์ที่ตามองไม่เห็น หูฟังไม่ได้ยิน แต่ใจสามารถรู้สึกได้ ลองสังเกตดูเวลาที่คุณอยู่ใกล้คนที่กำลังโกรธหรือหงุดหงิด คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุ อยู่ใกล้แล้วคุณจะรู้สึกกระสับกระส่าย ในทางตรงข้าม ถ้าคุณอยู่ใกล้คนที่อารมณ์ดีอยู่เสมอ บรรยากาศจะผ่อนคลายกว่า คุณจะรู้สึกอยากเข้าใกล้คนๆ นั้น ดังนั้น วิธีบริหารเสน่ห์ทางใจก็คือการมีความสุข รังสีความสุขจะแผ่ออกมาจนคนรอบข้างรู้สึกได้เอง และถ้าใจเป็นสุข การแสดงออกทางกายและวาจาก็จะสดใสไปด้วย เสน่ห์พุ่งแบบคูณสามครับ
