ประติมากรรมที่ทำจากเหล็ก 15 ผลงาน สร้างสรรค์โดยศิลปินไทยชื่อ คุณบรรเจิด เหล็กคง กำลังถูกจัดแสดงที่ Agora Gallery ใจกลางกรุงนิวยอร์ก ด้วยการสนับสนุนโดย Singha Park กว่าจะมาถึงวันนี้ เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง?
ผลงานสุดบรรเจิดของคุณบรรเจิด
ออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่ผู้รู้เรื่องงานศิลปะ แต่มีโอกาสได้ชมผลงานของคุณบรรเจิดในงานจัดแสดงที่ Siam Paragon เมื่อวันที่ 11 – 12 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา งานของคุณบรรเจิดไม่ใช่งานศิลปะที่ดูยาก แต่เป็นงานที่คนทั่วไปดูออกว่าคือตัวอะไร
ความยากของงานไม่ได้อยู่ที่ฝั่งคนดู แต่อยู่ที่ฝั่งคนสร้างสรรค์ผลงาน เพราะแต่ละชิ้นสร้างขึ้นมาจากเหล็ก ทั้งเหล็กแบบแท่งที่ถูกดัดให้มีความอ่อนช้อย และเหล็กแบบแผ่นที่ถูกตัดให้มีรูปร่างสวยงาม จากนั้นนำมาเชื่อมประกอบเข้าด้วยกันจนกลายเป็นรูปร่าง ผลงานบางชิ้นมีการแฝงความหมายบางอย่างไว้ด้วย เช่น “ต่างกาล ต่างวาระ” ที่เป็นนกอินทรีโฉบขย้ำพระอาทิตย์ และนกฮูกโฉบขย้ำพระจันทร์ สะท้อนถึงการเป็นเจ้าเวหาที่ต่างกาลเวลา
ความยากไม่ได้มีเพียงแค่ช่วงสร้างชิ้นงานที่ต้องทำกับเหล็ก แต่ยากตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบเลย เพราะต้องวางแผนให้ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นประกอบเข้าด้วยกันแล้วมองออกเป็นรูปร่างได้ อย่างเช่นผลงาน “11 พญาวานร ต่อกายเป็นช้างสามเศียร” ถ้ามองภาพกว้าง เราจะเห็นช้างสามเศียร แต่ถ้าดูรายละเอียด จะเห็นพญาวานร 11 ตัวเกาะเกี่ยวรวมตัวกันจนเป็นช้าง งานละเอียดจริงๆ
กว่าจะเป็น “ศิลปะเหล็กคง”
คุณบรรเจิดเรียกผลงานตัวเองว่า “ศิลปะเหล็กคง” ซึ่งมาจากนามสกุลตัวเอง และยังสะท้อนถึงผลงานที่สร้างจากเหล็กอีกด้วย แต่กว่าจะมาเป็นศิลปะเหล็กคงได้ คุณบรรเจิดต้องผ่านอะไรมาบ้าง?

คุณบรรเจิด เหล็กคง (คนกลาง) และผู้บริหารสิงห์
คุณบรรเจิดเป็นคนพิมาย จังหวัดนครราชสีมา เติบโตในครอบครัวที่ทำกิจการอู่ซ่อมรถ มีทักษะในการเชื่อมเหล็กตั้งแต่อายุแปดขวบ มีโอกาสได้ชมโบราณสถานในอำเภอพิมายอยู่เสมอ ทำให้ชื่นชอบศิลปะจากงานประติมากรรมที่มีความอ่อนช้อย
คุณบรรเจิดจบการศึกษาด้านสถาปัตยกรรม จากมหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน นครราชสีมา ประกอบอาชีพเป็นสถาปนิคออกแบบแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีหลายแห่ง กิจการรุ่งเรือง มีรถหลายคัน จนถึงยุคจัดระเบียบสังคม ทำให้ธุรกิจซบเซา ต้องขายบ้านขายรถ ชิ้นส่วนในผลงานบางชิ้นก็มาจากอะไหล่รถเก่าของคุณบรรเจิด บางชิ้นทำมาจากจานเบรคเลย
คุณบรรเจิดเริ่มสร้างผลงานศิลปะจากเหล็กชิ้นแรกเมื่ออายุ 32 ปี ผ่านมา 13 ปี ก็สร้างผลงานมาแล้วกว่า 40 ชิ้น แต่ละชิ้นล้วนมีอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ของตัวเอง เพราะไม่ต้องการให้ถูกลอกเลียนแบบได้ง่าย จึงใส่ใจรายละเอียดทุกจุด เคยยื่นขอจดสิทธิบัตรแต่ก็ถูกปฏิเสธมา เคยนำผลงานไปเสนอขายให้บริษัทเอกชนหลายแห่งแต่ก็ไม่มีที่ไหนซื้อ จนกระทั่งยื่นเรื่องไปที่ Agora Gallery ในนิวยอร์ก เพื่อขอจัดแสดงผลงานที่นั่น และได้รับการตอบรับให้นำผลงานไปจัดแสดงและขายให้กับผู้ที่สนใจ
เส้นทางสู่ Agora Gallery
หลังจากได้รับการตอบรับจาก Agora Gallery แล้ว คุณบรรเจิดก็ต้องเตรียมตัวนำผลงานไปนิวยอร์ก แต่ด้วยความที่ชิ้นงานแต่ละชิ้นใหญ่ๆ หนักๆ ทั้งนั้น ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะส่งไปได้ ก็เลยเริ่มหาทุน จนได้นำแฟ้มผลงานไปเสนอผู้บริหารสิงห์ ทางผู้บริหารตอบรับทันที โดยให้ Singha Park ซึ่งเป็นธุรกิจ Social Enterprise ในเครือสิงห์ เป็นผู้ดำเนินการ
แล้วเส้นทางที่น่าเหลือเชื่อในชีวิตของคุณบรรเจิดก็เริ่มต้นขึ้น ประวัติของคุณบรรเจิดถูกนำขึ้นหน้าเว็บ Agora Gallery ผลงานถูกประกาศขายในราคาหลักหลายแสนบาท และงานจะถูกจัดแสดงแบบ Solo Exhibition (การแสดงเดี่ยวที่ไม่มีผลงานของศิลปินคนอื่นมาปะปนอยู่ในงานเลย) ที่ Agora Gallery ระหว่างวันที่ 20 พฤษภาคม ถึง 9 มิถุนายน 2559
ผมจะมีโอกาสได้ไปร่วมงานเปิดนิทรรศการศิลปะที่ Agora Gallery ในวันที่ 26 พฤษภาคม แล้วจะมารายงานอีกทีครับว่าบรรยากาศภายในแกลเลอรี่ที่มีผลงานของคนไทยไปจัดแสดงอยู่เป็นยังไง
ดีที่สุด คือการให้ไม่สิ้นสุด
ผู้บริหารของสิงห์เล่าให้ฟังว่าการสนับสนุนศิลปินไทยให้ออกสู่ตลาดโลกในครั้งนี้ ไม่ได้อยากทำแค่ครั้งเดียวจบ แต่อยากทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ทุกปี ศิลปินคนไหนที่อยากมีโอกาสแบบนี้ในปีต่อไป ก็สามารถส่งผลงานเข้ามา ทางสิงห์จะเชิญกรรมการที่มีความเชี่ยวชาญด้านศิลปะมาเป็นผู้ตัดสิน ผู้ชนะก็จะได้ไปจัดแสดงผลงานในต่างประเทศเช่นกัน สมกับสโลแกน “ดีที่สุด คือการให้ไม่สิ้นสุด” ครับ