8 กิจกรรมสุดอาร์ตที่ต้องทำเมื่อไปเยือนนิวยอร์ก

ว่ากันว่าศิลปะจะรุ่งเรืองในเมืองที่ผู้คนมีความเจริญแล้ว เมื่อไม่ต้องกังวลกับเรื่องปากท้อง ก็มีเวลาที่จะจรรโลงใจด้วยงานศิลปะได้ นิวยอร์กก็เป็นเมืองหนึ่งที่มีงานศิลปะให้เสพได้มากมาย ทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่คุณควรทำเมื่อไปเยือนนิวยอร์ก

ก่อนอื่นต้องขอบคุณสิงห์ปาร์คเชียงรายที่สนับสนุนทริปนี้ ให้โอกาสได้ไปชมงานศิลปะของคนไทยที่จัดแสดงใน Agora Gallery และได้เห็นว่าเมืองนิวยอร์กมีความอาร์ตขนาดไหนครับ

1. The High Line

ที่แรกที่อยากแนะนำ มีอยู่ในโปรแกรมทัวร์ครั้งนี้ แต่เสียดายที่มีเวลาแค่แป๊บเดียว ตอนแรกที่ผมอ่านในโปรแกรมทัวร์ก็สงสัยว่าที่นี่มีอะไรน่าสนใจเหรอ แต่พอได้เห็นของจริงถึงกับร้องว้าวเลย

The High Line คือทางรถไฟสายประวัติศาสตร์สายหนึ่งของเมืองนิวยอร์ก เป็นทางรถไฟยกสูงแห่งแรกๆ ของโลก (แบบ BTS บ้านเรา) ต่อมามีการยกเลิกการใช้งานและปล่อยให้เป็นพื้นที่รกร้าง ชุมชนในย่านนี้ได้ต่อสู้เพื่อปกป้องไม่ให้มีการทุบทำลาย และทำการบูรณะให้เป็นสวนสาธารณะลอยฟ้าที่มีความยาว 2.33 กิโลเมตร จากพื้นที่ที่มูลค่าต่ำเพราะมีรถไฟวิ่งผ่านเสียงดัง กลายเป็นพื้นที่ราคาสูงเพราะมีสวนสาธารณะไปเลย

ทางเดินบน The High Line

ทางเดินบน The High Line (ภาพจาก Google Street View)

บรรยากาศบนนี้ดีมากครับ โดยเฉพาะช่วงเย็นๆ มีที่นั่งมากมายให้นั่งชิลสโลว์ไลฟ์ มีงานศิลปะให้ชื่นชม จะเดินเที่ยวชมผู้คนจากต้นทางไปถึงปลายทางก็ได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ถ้ามีโอกาสไปนิวยอร์กอีกครั้ง ผมจะเผื่อเวลาสำหรับที่นี่สัก 2 ชั่วโมง

งานศิลปะบน The High Line

งานศิลปะบน The High Line

2. Williamsburg

ย่านฮิปสเตอร์ของเมืองนิวยอร์ก มีตึกสวยๆ ที่เพ้นท์รูปบนกำแพง ร้านกาแฟชิคๆ ร้านขายแผ่นเสียง ตลาดนัดของทำมือ เดินเล่นได้แบบเพลินๆ พอบ่ายแก่ๆ ก็ไปเดินริมแม่น้ำ ดูสะพาน Williamsburg ริมน้ำมีคนทำฟาร์มผัก มีเตาปิ้งบาร์บีคิว มีโต๊ะนั่งทานข้าวริมน้ำแบบชิลๆ นี่มันวิถีฮิปสเตอร์ชัดๆ ควรเผื่อเวลาสำหรับเดินเล่นและแวะร้านนั้นร้านนี้สัก 3 ชั่วโมงครับ

Street Art สวยๆ ใน Williamsburg

Street Art สวยๆ ใน Williamsburg

มุมอาร์ตๆ ในร้านขายแผ่นเสียงที่ Williamsburg

มุมอาร์ตๆ ในร้านขายแผ่นเสียงที่ Williamsburg

ร้านกาแฟบรรยากาศดีใน Williamsburg

ร้านกาแฟบรรยากาศดีใน Williamsburg

แปลงผักริมน้ำ เห็นสะพาน Williamsburg

แปลงผักริมน้ำ เห็นสะพาน Williamsburg

3. St. Patrick’s Cathedral

โบสถ์คาทอลิกขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ ตึก Rockefeller มีความงดงามวิจิตรทั้งภายนอกและภายใน เดินชื่นชมความงามของเพดานโบสถ์ กระจกสี และประติมากรรมนักบวช ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ผมชอบบรรยากาศภายในโบสถ์ที่ถึงแม้นักท่องเที่ยวจะเยอะ แต่ก็ให้ความรู้สึกสงบสบายดี

สถาปัตยกรรมภายนอกอาคาร St. Patrick's Cathedral

สถาปัตยกรรมภายนอกอาคาร St. Patrick’s Cathedral

ความสวยงามภายในโบสถ์ St. Patrick's Cathedral

ความสวยงามภายในโบสถ์ St. Patrick’s Cathedral

กระจกสีสวยงามภายในโบสถ์ St. Patrick's Cathedral

กระจกสีสวยงามภายในโบสถ์ St. Patrick’s Cathedral

ประติมากรรมภายในโบสถ์ St. Patrick's Cathedral

ประติมากรรมภายในโบสถ์ St. Patrick’s Cathedral

4. The Metropolitan Museum of Art (The Met)

นี่คือพิพิธภัณฑ์ที่มีผลงานศิลปะในยุคอดีตกว่า 5,000 ปีจากทุกภูมิภาคทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นกรีก โรมัน อียิปต์ แอฟริกา ยุโรป อเมริกา เอเชีย คือของเยอะมาก ตอนแรกผมกะว่าจะถ่ายรูปให้หมดเลย แต่พอเดินได้ 5 นาทีก็รู้ว่าเลิกถ่ายดีกว่า ไม่มีทางถ่ายให้ครบได้เลย แค่จะเดินดูให้ทั่วจริงๆ ก็ต้องใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม แต่ละห้องสามารถเดินทะลุถึงกันได้หมด น่าจะมีหลักร้อยห้องได้ แนะนำให้หยิบแผนที่แล้วถือปากกาไว้ พอผ่านห้องไหนแล้วก็ให้ติ๊กบนแผนที่ จะได้รู้ว่ามีห้องไหนที่ยังไม่ได้ดู ค่าเข้าเป็นแบบ Suggested ราคา 25 เหรียญ ซึ่งหมายถึงคุณจะจ่ายน้อยกว่านี้ก็ได้ จ่ายแค่ 5 เหรียญ 10 เหรียญก็ได้ เพราะพิพิธภัณฑ์ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐอยู่แล้ว เงินที่คุณจ่ายก็เหมือนเงินบริจาคที่ช่วยสนับสนุนเพิ่มเติม

อาคาร The Met ใหญ่โตมโหฬาร

อาคาร The Met ใหญ่โตมโหฬาร

ศิลปะหลากหลายยุคและภูมิภาคใน The Met

ศิลปะหลากหลายยุคและภูมิภาคใน The Met

5. Museum of Modern Art (MoMA)

อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ควรแวะชม อารมณ์ต่างกับ The Met เพราะที่นี่เป็นแนว Modern และ Contemporary Art ซึ่งเป็นศิลปะยุคใหม่กว่า งานหลายๆ ชิ้นมีความเป็นนามธรรมสูง ต้องใช้จินตนาการในการชม ไฮไลต์ของที่นี่คือผลงานชื่อดัง The Starry Night ของแวนโก๊ะ ใช้เวลาชมประมาณ 2 ชั่วโมงก็ทั่ว ค่าเข้า 23 เหรียญ ต้องฝากกระเป๋าสะพายก่อนเข้า ออกมาแล้วอย่าลืมแวะ MoMA Design Store มีของดีไซน์เก๋ๆ น่าซื้อเต็มไปหมดเลย

งานศิลปะยุคใหม่ใน MoMA

งานศิลปะยุคใหม่ใน MoMA

6. Body Worlds

ศิลปะแห่งกายวิภาค คุณจะได้เห็นร่างของมนุษย์จริงที่ถูกชำแหละให้เห็นกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น เส้นเลือด อวัยวะภายใน สมอง ปอด หัวใจ กระเพาะ ลำไส้ ตับ ไต อวัยวะเพศ และถูกจัดท่าทางแบบต่างๆ ดูไม่น่ากลัว และไม่มีกลิ่นเหม็น สามารถถ่ายรูปได้ แต่ห้ามใช้แฟลช และห้ามถ่ายวิดีโอ การถ่ายรูปให้ทั่วต้องใช้เวลา 1 ชั่วโมง แต่ถ้าจะอ่านข้อมูลต่างๆ ให้ครบถ้วนต้องใช้ 2 ชั่วโมง ค่าเข้า 27.50 เหรียญ แต่ลอง search หา promo code ดู ผมเจอส่วนลด 20% ก็เลยซื้อตั๋วผ่านเว็บ แล้ว print ตั๋วไปยื่นให้พนักงานสแกนตรงทางเข้าได้เลย

Flamenco Dancer ใน Body Worlds

Flamenco Dancer ใน Body Worlds

The Tai Chi Man ใน Body Worlds

The Tai Chi Man ใน Body Worlds

Female Flamenco Dancer ใน Body Worlds

Female Flamenco Dancer ใน Body Worlds

Rearing Horse with Rider ใน Body Worlds ตัวนี้อลังการมาก

Rearing Horse with Rider ใน Body Worlds ตัวนี้อลังการมาก

7. Broadway

อีกหนึ่งกิจกรรมที่ต้องทำเมื่อมาเยือนนิวยอร์กคือการชมละครบรอดเวย์ ซึ่งมีให้เลือกดูหลายเรื่องเลย แต่ละเรื่องจะมีโรงละครของตัวเองที่อยู่กระจุกตัวกันในย่าน Times Square ละครดังๆ ที่คนไทยรู้จักก็เช่น Aladdin, Chicago, The Lion King, The Phantom of the Opera ใครที่ไม่สันทัดการฟังภาษาอังกฤษมากนัก อาจเลือกดูเรื่องง่ายๆ ที่เราพอรู้พล็อตเรื่องอยู่แล้วอย่าง The Lion King ละครส่วนใหญ่ใช้เวลาชมรวมเวลาพักประมาณ 3 ชั่วโมง ราคาตั๋วอยู่ระหว่างหลักหลายสิบถึงหลักร้อยเหรียญ ถ้าใครมีเวลา ลองไปต่อคิวซื้อตั๋วลดราคาที่บูธ TKTS ดูครับ

Chicago the Musical

Chicago the Musical

8. Sleep No More

กิจกรรมสุดท้ายที่แนะนำให้ไปดูจริงๆ คือ Sleep No More ซึ่งเป็นการแสดงแบบ Interactive ที่ผู้ชมสามารถยืนดูนักแสดงได้ในระยะประชิด เผลอๆ อาจจะถูกนักแสดงดึงเข้าไปร่วมในการแสดงด้วย เหตุการณ์เกิดขึ้นในอาคารย่าน Chelsea ที่ถูกจำลองให้เป็นโรงแรม 5 ชั้นชื่อ The McKittrick Hotel บรรยากาศภายในรวมถึงคอสตูมของนักแสดงย้อนยุคไปในปี 1939 โดยมีเหตุการณ์ที่น่าระทึกเกิดขึ้นภายในโรงแรมแห่งนี้…

ผู้ชมทุกคนจะต้องสวมหน้ากากสีขาวตลอดที่ชมการแสดง ซึ่งทำให้เราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร (ใครที่ใส่แว่น สามารถใส่หน้ากากซ้อนบนแว่นได้) ผู้ชมจะถูกปล่อยให้เข้าไปภายในโรงแรมทีละกลุ่ม ถ้ามากับเพื่อน จะถูกแยกกับเพื่อน เมื่อเราเข้าไปในโรงแรมแล้ว เราอยากเดินไปที่ห้องไหนก็ได้ จับนู่นจับนี่ได้หมด บางห้องมีนักแสดงที่กำลังแสดงให้เราชมอยู่ เราสามารถเข้าไปยืนชมแบบใกล้ๆ ได้เลย (นักแสดงมีสมาธิมาก) แต่ห้ามถ่ายรูปหรือวิดีโอเด็ดขาด เมื่อนักแสดงเล่นไปถึงจุดหนึ่ง อาจมีการวิ่งไปห้องอื่นตามบทบาท เราจะเลือกวิ่งตามนักแสดงเพื่อดูว่าเกิดเหตุการณ์อะไรต่อก็ได้ หรือจะเปลี่ยนไปดูห้องอื่นหรือชั้นอื่นก็ได้ ไม่อยากเล่ามากไปกว่านี้ เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นสปอยล์

หน้ากาก Sleep No More

หน้ากาก Sleep No More

เราจะเดินออกจากโรงแรมเมื่อไหร่ก็ได้ ส่วนใหญ่ใช้เวลา 2 ชั่วโมงก็เหนื่อยแล้ว ถ้าไปกับเพื่อน ออกมาคุยกันแล้วจะเหมือนดูคนละเรื่องเลย เพราะแต่ละคนเจอเหตุการณ์แตกต่างกัน และว่ากันว่าถ้าไปดูซ้ำอีกรอบ ก็จะเจอเหตุการณ์ที่แตกต่างจากครั้งแรก บางคนดูสามรอบแต่ก็ยังไม่เจอเหตุการณ์ซ้ำเลย ค่าตั๋วเกือบร้อยเหรียญหรือร้อยเหรียญกว่าๆ ขึ้นกับว่าดูวันไหน และมีค่าฝากกระเป๋าก่อนเข้าชมอีก 4 เหรียญ

ฉากเด็ดใน Sleep No More

ฉากเด็ดใน Sleep No More (ภาพจาก nytimes.com)

ถ้าอ่านแล้วชอบ ฝากแชร์ด้วยนะครับ
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

,